ตอนที่ 57 Safe Period
"เจ๊ๆ ดูคนนั้นสิ หล่อเนอะ มาเป็นทหารนี่มันก็ดีเหมือนกันเนอะว่าไหม" เสียงยัยอั้มคอยเม้าท์มอยหัวเราะคิกคักให้ฉันหันไปดูพลทหารผู้ชายคนโน้นคนนี้ที่กำลังเตรียมแข่งกีฬาสำหรับทหารใหม่ ส่วนฉันคงได้แค่นั่งดูข้างสนามแบบนี้แหละ ให้ลงไปเตะบอล เตะตระกร้อคงไม่ไหวล่ะนะ
"ฉันเห็นแกก็บอกหล่อทุกคนอ่ะอั้ม" ฉันหันไปเหน็บรุ่นน้องตัวเองพร้อมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
หลังจากงานเลี้ยงวันนั้น ชีวิตของฉันก็กลับเข้าวังวนเดิมๆ ในรั้วค่ายทหารแห่งนี้ ฉันเริ่มจะชินกับบรรยากาศโหวกเหวกโวยวายแบบนี่ซะแล้ว เวลาผู้ชายอยู่รวมกัน มันช่างหนวกหูยิ่งกว่าผู้หญิงจับกลุ่มคุยกันหลายเท่านัก หลายครั้งที่ฉันประสาทจะเสียเวลาบรรดาผู้ชายนี่ลุกมาร้องรำทำเพลง แต่เห็นว่าคงเป็นการคลายเครียดหลังจากฝึกเหนื่อยๆ ฉันจึงไม่ได้ขัดอะไร ได้แต่นั่งเบื่อๆ แบบนี้กับอั้มสองคน ไม่สิต้องนั่งเบื่อคนเดียว เพราะนางรุ่นน้องฉันดูสนุกพาเพลินไปกับผู้ชายมากมายในสนามบอลนี้
"อะไรกันเจ๊นี่มันสวรรค์ชัดๆ ทำหน้าเหมือนจะตายอยู่นั้นแหละ หันไปดูนั้นไป หมวดของเจ๊น่ะ ถอดเสื้อโชว์หุ่นแล้วอ่ะ กรี๊ด พี่บอสก็ด้วย โอ้ยตายๆ" เสียงนังอั้มดังพร้อมหมุนหัวฉันไปดู ทำให้ฉันต้องปัดมือออก ละตีมันหนึ่งทีที่มาเล่นหัวฉัน
แต่ภาพตรงหน้าที่ฉันเห็นทำเอาคำพูดที่จะด่านังอั้มหายลงคอไปหมด ตอนนี้ทหารหลายๆ คนในสนามที่วิ่งเตะบอลกันเริ่มถอดเสื้อออก แบ่งทีมหรืออย่างไรไม่รู้ แต่มีเพียงคนเดียวที่ดึงดูดสายตาของฉันไว้ ตอนนี้ร่างกายของหมวดไม่มีอะไรปกปิดท่อนบนไว้แล้ว
หุ่นล่ำๆ นั้นเริ่มเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ แถวนี้ที่มาคอยสอดส่องได้บ้าง ทำให้ฉันได้แต่มองด้วยสายตาเหยียดๆ งานการไม่มีทำกันหรือไงนะ มานั่งกรี๊ดผู้ชายกันอยู่ได้
"เป็นไรคุณนั่งทำหน้ายุ่งอยู่นั้นอ่ะ" เสียงกวนๆ ของลูกสมุนดังขึ้นพร้อมเดินมาทางฉันกับเจ้านายของมัน
แม้จะออกมานั่งพักแต่ทั้งสองคนตอนนี้ยังคงไม่ได้สวมอะไรไว้เหมือนเดิม มีเพียงเสื้อที่พาดไว้บนไหล่ ทำให้ฉันไม่ค่อยอยากจะหันไปมองเต็มตาเท่าไหร่ ต่างจากนังอั้มที่มองด้วยสายตาละห้อย จ้องจนเหมือนอยากจะกินบอสเข้าไปทั้งตัว จนฉันต้องดันหน้ามันเบาๆ เผื่อจะได้สติคืนมาบ้าง
"เก็บอาการหน่อย" ฉันพูดเบ้ปากใส่ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้
"อ้าว ถามไม่ตอบไปแกล้งอั้มเขาอีก" เสียงพูดของบอสยิ่งทำนังอั้มคลั่งจนแทบลงไปดิ้ดดิ้น คงคิดว่าบอสเป็นห่วงมันสินะ
'เขารักฉัน เขารักฉัน' เสียงนังอั้มพึมพำกับตัวเองไปเรื่อยก่อนสองคนนั้นจะเดินมาถึงที่ที่ฉันนั่งอยู่
"มีอะไร" ฉันถามสั้นๆ โดยที่มองผ่านๆ เล่นไม่ใส่เสื้อใส่ผ้ากันแบบนี้ ไม่อายบ้างรึไงนะ
"นั่งว่างมากก็ไปเอาน้ำไปช่วยเดินแจกไป ทำตัวให้มันมีประโยชน์หน่อย" เสียงวางอำนาจจากหมวดดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองเตรียมโวยวาย แต่พอหันไปใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ ปรกติฉันไม่อินกับผู้ชายที่เตะบอลเหงื่อท่วมตัวสักเท่าไหร่ ตั้งแต่สมัยเป็นเรียนหนังสือแล้ว มันดูสกปรก แต่ภาพตรงหน้าในตอนนี้มันต่างจากนั้นโดยสิ้นเสียง ใบหน้าคมเข้มที่กำลังมองมา พร้อมหุ่นแน่นเฟิร์ม กล้ามสวยๆ ที่ดูไม่มากจนเกินไป บนตัวมีเหงื่อเกาะอยู่ตามผิวให้เห็นว่าเพิ่งเล่นกีฬามา ภาพนี้ทำเอาฉันพูดไม่ออก จนต้องเผลอกลืนน้ำลายไม่รู้ตัว
"มองแบบนั้นระวังน้ำลายหกนะคุณ" เสียงแซวจากบอสดังขึ้น ทำให้นังอั้มหัวเราะคิกคักพร้อมด้วยหมวดที่กำลังยิ้มนิดๆ
"...เพ้อเจ้อ" ฉันพูดกลบเกลื่อนอาการแปลกประหลาดของตัวเอง และรีบลุกขึ้นคว้ามืออั้มเดินออกมา
"จะไปไหน" เสียงดุๆ ของหมวดถามขึ้นนิ่งๆ เมื่อเห็นฉันลุกขึ้นเดินหันหลัง
"ก็จะกินไหม...น้ำอ่ะ" ฉันหันไปพูดย้อน ก่อนจะรีบหันเดินออกมาให้ไกลจากตรงนั้น อยู่ใกล้แล้วใจไม่ดีแหะ
"แหม ว่าแต่หนู ตัวเองมองหมวดตาค้างเลยนะ" เสียงเยาะเย้ยจากคนข้างตัวดังขึ้นแต่ฉันไม่หันไปเถียงหรอกนะ หรือเพราะยังหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองไม่ได้รึเปล่าก็ไม่รู้
"อั้ม น้ำมันไม่เย็นอ่ะ ฉันเดินไปซื้อที่ร้านดีกว่า" ฉันพูดหลังจากกดน้ำออกมาจากแท็งค์น้ำแล้วมันไม่เย็นเท่าไหร่ อั้มมองฉันด้วยสายตาทึ่งๆ แต่ไม่ถามอะไร ตกใจอะไรของมันก็ไม่รู้ ฉันแค่จะเดินไปซื้อน้ำให้หมวดกินเอง
ฉันเดินไปซื้อน้ำโดยที่เลือกหาขวดเย็นๆ ส่วนเงินนะหรอ เขาให้จดชื่อเอาไว้แทนไว้รอหักกันตอนเงินเดือนออก
"นี่ๆ จะซื้ออะไรอีกป่าว...." ฉันหันไปจับแขนอั้ม แต่สัมผัสที่ได้มันแปลกๆ พอหันหน้าไปถึงเห็นว่าไม่ใช่ ฉันเผลอไปทักใครเข้าละเนี่ย ก็ไม่ทันมอง เห็นแว็บๆ ชุดกับทรงผมมันก็คล้ายๆ กันหมดเลยนิ
".....ขอโทษทีค่ะ....ทักคนผิด" ฉันรีบชิงพูด พร้อมชักมือกลับ สีหน้าผู้ชายคนนี้ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เลยแหะ หน้าเขาดุแบบนี้อยู่รึเปล่า หน้าตาก็ออกจะหล่อ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะมีเรื่องแบบนั้นด้วย เขาพยักหน้าส่งๆ ไม่ได้สนใจอะไร
"เสร็จแล้วหรอเจ๊" เสียงนังรุ่นน้องที่ฉันตามหาก็ดังขึ้น "แกหายไปไหนมา"
"เดินไปทิ้งขยะ ก็น้ำขวดเดียว เจ๊เล่นงมหาอยู่นั้นแหละ รีบไปกันเหอะ" อั้มรีบพูดพร้อมลากฉันกลับ คงเพราะตรงนี้แดดมันก็ร้อนจริงๆ ส่วนผู้ชายน่ากลัวคนเมื่อกี้ก็ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว กะจะถามนังอั้มสักหน่อยเขาว่าใคร
สิ่งที่แปลกใจคือ เขาไม่มองฉันเหมือนที่คนอื่นมอง ออกจะมองเหมือนฉันไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ เพราะคนที่นี่รู้เรื่องฉันหมดแล้วหรือความสวยฉันมันเริ่มหมดไปกันแล้วนะ
เมื่อเดินกลับมาถึงที่ข้างสนาม สิ่งที่ฉันเห็นทำเอาเรื่องที่กำลังคิดในหัวหายไปหมด หมวดกำลังยืนคุยกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ ผู้หญิงคนนั้นกำลังยืนบิดไปบิดมา พร้อมขวดน้ำในมือที่ทำเหมือนเขินอายจะส่งให้
'มาหาถึงที่ขนาดนี้ยังจะมาแอ๊บ มาอายอะไรอีกนะ'
"เจ๊ว่าอะไรนะ" เสียงอั้มถาม แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินต่อไปข้างหน้า
"อ่ะ บอสฉันซื้อมาให้" ฉันพูดพร้อมเดินผ่านหมวดยื่นน้ำให้บอสแทน อาจจะดูดุดันเหมือนโยนไปหน่อย
"ให้...ผิดคนป่าว" บอสหันมาถามยิ้มพร้อมหมวดที่มองกลับมานิ่งๆ
"แล้วจะกินไหม" ฉันถามนิ่งๆ เช่นกัน แต่ตายังมองไปที่หมวดกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นอยู่ ก็สวยดีนะ แต่สวยแบบ...บ้านๆ
"น้องหมวยมานี่ดีกว่า พี่พาไปดูอะไร" บอสพูดพร้อมคว้ามือหญิงสาวคนนั้นที่เตรียมโวยวาย แต่เหมือนนึกขึ้นได้จึงต้องเก็บอาการแอ๊บภาพสาวเรียบร้อย บอสหันมาพร้อมโยนขวดน้ำคืนมาให้ฉัน เกือบรับแทบไม่ทัน
"ไอ้..." ฉันไม่ทันได้ด่า บอสมันก็เดินลิ่วไปแล้ว
"เออ หนูไปนะเจ๊ หาเอ็มดีกว่า อยู่ตรงนี้หนูคงเป็นไส้ติ่งอักเสบที่ต้อง...ตัดทิ้งใช่ไหม" นังอั้มพูดพร้อมทำหน้าน่าหมั้นไส้จนฉันอยากตบปากมัน แต่ก่อนไปมันหันไปกระซิบอะไรกับหมวดไม่รู้
"นี่! กระซิบอะไร นินทาฉันหรอ อั้ม.... หื้ย นี่ก็อีกคน อะไรกันฉันยังไม่ทันด่าเดินหนีไปกันหมด คอยดูนะ" ฉันหันกลับมากอดอกบ่นกับตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้แรงๆ เห็นดังนั้นผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ก็นั่งลงมาข้างๆ แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้ฉันต้องกระเถิบหนี
"เป็นไรอีกล่ะ" เสียงผู้ชายข้างๆ ถามขึ้นนิ่งๆ
"ใครเป็นอะไร ฉันปรกติดี" ฉันพูดแต่ตาก็ยังไม่หันไปมอง
"ไม่เป็นอะไรก็ดี แล้วน้ำล่ะ เดี๋ยวไม่เย็นนะ เดินไปถึงร้านขายของซื้อมาให้ผมไม่ใช่หรอไง" เสียงหมวดพูดทำให้ฉันตัดสินใจหันไปมองก็เห็นเขาเหมือนจะยิ้มอยู่
"ก็...ไม่ได้กะจะไปซื้อ พอดีกดน้ำละมันหมด แต่ลืมไป สาวๆ แถวนี้เข้าต่อคิวเสิร์ฟน้ำนายอยู่ล่ะหนิ" ฉันพูดประชดพร้อมเบ้ปากใส่ แต่หมวดนั้นกับทำหน้าเหมือนจะหลุดขำออกมาทำให้ฉันคิ้วขมวดไม่พอใจกว่าเดิม
"หมดหรอ คิดว่าเห็นน้ำในแท็งค์มันไม่เย็นซะอีก เลยยอมเดินตากแดดไปซื้อมาให้" หมวดพูดเสียงหวานพร้อมทำสายตารู้ทัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนบอก...นังอั้ม
"จริงๆ แค่คุณเอามาให้ผมก็...ชื่นใจแล้วล่ะ" คำพูดชวนเขิน ทำเอาฉันอยากโวยวาย ไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็คว้าขวดน้ำไปแกะกิน ยกขวดน้ำขึ้นกระดก แล้วเทออกมาล้างหน้าเบาๆ ก่อนเสยผมขึ้น พอเปียกน้ำแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ฉันไม่ค่อยอยากหันไปมองภาพนั้นเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกมัน...ร้อนเกินไปเวลามอง
"ขอบคุณนะ" เสียงหมวดพูดทำให้ฉันพยักหน้า ทำเสียงตอบรับในคอเบาๆ 'อืม'
เราสองคนนั่งกันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ฉันหันไปมองหน้าหล่อๆ ที่มองออกไปข้างหน้าบ้าง แต่พอเขาหันมา ฉันก็รีบหันกลับ ส่วนฉันพอรู้สึกได้ว่าโดนมอง พอหันไปบ้าง เขาก็แสร้งมองไปทางอื่น เราสองคนเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทำไมฉันต้องหันไป แต่ฉันแค่เห็นใบหน้านั้น...อยากให้มั่นใจว่าเขายังอยู่ตรงนี้
ลมเย็นๆ ที่พัดมากับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ มันทำให้รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด อยู่ๆ บรรยากาศวุ่นวายก็ดูน่านั่งเล่นขึ้นมาซะอย่างนั้น เสียงดังจากคนรอบข้างไม่ทำให้ฉันรู้สึกรำคาญหูแต่อย่างใด
"พรุ่งนี้คุณจะมาเชียร์ไหม ผมลงด้วยนะ" เสียงคนข้างๆ ถามทำให้ฉันหันกลับไปมอง
"นายลงได้ด้วยหรอ" ฉันถามด้วยความสงสัยคิดว่าให้ทหารใหม่ลงได้อย่างเดียวซะอีก
"คนไม่ครบน่ะ เล่นกันขำๆ กีฬาจัดแบบไม่ได้เป็นพิธีอะไรหรอก" หมวดพูดตอบโดยที่ฉันยังคงนั่งตีขาคอยฟังล่ะก็พยักหน้ารับตาม
"แปลว่ามาดูใช่ไหม" หมวดถามย้ำเพราะคงเห็นฉันพยักหน้า
"เปล่า ฉันพยักหน้าเรื่องที่นายเล่า ไม่ได้พูดซะหน่อยจะมา ผู้ชายเตะบอลกันไม่เห็นมีอะไรน่าดูตรงไหน อีกอย่างกำลังใจนายออกจะเหลือล้น" ฉันพูดเบ้ปากทำเอาหมวดยิ้มมุมปากนิดๆ
"ยิ้มอะไร" ฉันถามพร้อมจ้องหน้าเขา
"ยิ้มก็ไม่ได้หรือไง หรือชอบให้ดุ" หมวดเลิ่กคิ้วถามกลับ
"ไม่ชอบอะไรทั้งนั้นแหละ" ฉันพูดพร้อมหันกลับไปมองสนามบอล
"จริงอ่ะ" เสียงพูดกวนๆ เริ่มดังเข้ามาใกล้จนฉันต้องหันไปดันหน้าเขาออก และเอามือเปื้อนเหงื่อเช็ดกางเกงเขา จริงๆ หน้าหมวดไม่ได้เปียกอะไรมากมายหรอก แค่เช็ดไปงั้นแหละ
แต่อยู่สายตาที่เขามองกลับมาทำเอาฉันรู้สึกผิด มันเหมือนกำลังถามฉันว่า 'แค่นี้ รังเกียจหรอ'
"คือฉัน...แค่เล่นด้วยเฉยๆนะ" ฉันรีบพูดกลัวเขาเข้าใจผิด หมวดพอได้ยินดังนั้น จึงรีบหันมายิ้ม ฉันจึงรู้ว่าตัวเองหลงกลเขาอีกแล้ว โง่จริง ฉันจึงทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจอยู่คนเดียว
"เห้ออออออ" หมวดถอนหายใจเหือกใหญ่แบบไม่ได้จริงจังอะไร "ชอบก็ไม่ใช่ อะไรก็ไม่ใช่ งั้นต่อไปนี้เลิกถามล่ะ ไม่เคยได้คำตอบเลย สรุปมาดูด้วย แค่นั้นแหละ เป็นคำสั่ง" หมวดพูดออกมาขำๆ ไม่ให้เปิดช่องให้ฉันปฏิเสธ
"เออๆ คอยดูนะ ถ้ามาเชียร์แล้วแพ้ โกรธแน่ทำฉันเสียเวลา" จริงๆ ถึงเขาไม่ลงก็คงโดนอั้มลากมาดูอยู่แล้วแหละ แค่พูดไปงั้นเอง
"ฝีมือระดันนี้ไม่มีแพ้หรอก ยิ่งคุณมาเชียร์แล้วด้วย" หมวดพูดมองหน้าฉันยิ้มๆ ...มาแบบนี้อีกแล้ว...
"...เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ" ฉันพูดเพราะฉันกลัวฉันคิดเลยเถิดไปเองคนเดียว คำพูดที่เหมือนการหยอดคำหวานของเขาเริ่มมาบ่อยจนฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก ในสถานะของตัวเอง
"อยากให้ผมพูดจริงๆ หรอ..." หมวดพูดพร้อมจ้องตาฉัน เหมือนกำแพงในใจมันกำลังจะพังลงมา ทุกครั้งที่ฉันมองเขาคนนี้ เหมือนหัวใจมันทำงานผิดปรกติ ฉันรีบส่ายหน้าดุ๊กดิ๊ก แม้จะอยากฟังคำๆ นั้น แต่ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียว จะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันคิดไม่ผิด หรือจะบอกไม่กล้าพอที่จะรับฟังก็ได้...จะทำยังไงหากคำนั้นไม่ใช่คำที่ฉันอยากได้ยิน
"แล้วจะถามผมทำไม คุณนี่นะ" หมวดพูดยิ้มๆ เดี๋ยวนี้หมวดเริ่มยิ้มบ่อยขึ้น ถึงแม้ปากไม่ยิ้มกว้างออกมา แต่ก็รู้สึกได้ว่าดวงตาของเขาส่งยิ้มมาให้เสมอ นั้นคงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่ค่อยกล้าจ้องตาเขาตรงๆ สักที
...เอาเป็นว่า ขอแค่ให้มันค่อยๆเป็น ค่อยๆไปแบบนี้ได้ไหม แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว หวังว่าเขาคงคิดเหมือนกัน...
เราสองคนนั่งมองไปดูคนอื่นๆ ที่กำลังสนุกสนานกับการเล่นกีฬาในสนามตรงหน้า ก่อนที่หูฉันจะถูกสายอะไรบางอย่างพร้อมเสียงเพลงคุ้นหูที่ดังขึ้นมา มันทำให้ฉันต้องหันไปมองผู้ชายคนนี้ด้วยรอยยิ้ม และเขาก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นเดียวกัน เขาคือคนที่ฉันเพิ่งเจอได้ไม่นาน แต่กลับรู้และเข้าใจฉันทุกอย่าง เพลงนี้ก็เช่นกันเนื้อเพลงมันเหมือนแทนความคิดที่อยู่ในใจฉัน ณ เวลานี้
'ช่วงเวลาดีดีที่เธอและฉันไม่ต้องกังวลอะไร
เป็นช่วงเวลาดีดีที่เราทั้งสองจะมีแต่ความเข้าใจ
วันนี้เป็นวันดีดี วันนี้เราควรจะทำอะไร
วันที่อะไรอะไรก็ดูจะเหมือนจะคอยเป็นใจให้กัน
วันนี้จะทำอะไร ก็ดูจะเหมือนไม่ต้องระแวดระวัง
วันนี้คือวันดีดีมีฉันและเธอคนดีเท่านั้น'
มือเขาเลื่อนมากุมมือฉันไว้ พร้อมกับร้องคลอท่อนฮุคของเพลงออกมาเบาๆ ทำหน้าอินจนฉันต้องหันไปหัวเราะ เพราะฉันไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขา
'มีบรรยากาศฝนตกรถติดช่วยฉัน
ยังมีมือเปล่าว่างอยู่ให้จับเท่านั้น
ลองดูที่แก้มฉัน เธอนั้นว่ามีอะไร
เอามือไปแตะหน้าผากว่าตัวร้อนไหม
เอาเธอมากอดข้างกาย ไม่แบ่งใครๆ
มีเราเพียงเท่านั้น มีเธอและมีฉัน
อยู่ในวันสำคัญ ของเรา'
ครั้งแรกตอนที่ฉันได้ยินชื่อเพลงนี้ 'ระยะปลอดภัย' มันชวนให้คิดลึก แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจดี มันทำให้ฉันเข้าใจว่า แม้ฉันจะท้องไม่ได้ ไม่ต้องคอยนับหน้า 7 หลัง 7 ฉันก็มีระยะปลอดภัยเหมือนผู้หญิงจริงๆ เขาได้เหมือนกัน กับการรู้สึกปลอดภัยที่มีผู้ชายสักคนอยู่เคียงข้าง
'คิดจะเอาอะไรก็ดูจะเหมือนจะง่ายจะดายอย่างใจ
อยากได้อารมณ์อะไรจะเย็นจะร้อนจะช้าจะเร็วอย่างไร
เธอนั้นพูดมาดีดี ฉันพร้อมให้เธอคนดีทุกอย่าง
อยากให้มันเป็นยังไง
จะยืนจะล้มจะนั่งจะนอนอย่างไร
ปวดเนื้อเมื่อยตัวยังไง
ไม่นานไม่ช้าก็คงจะคลายกันไป
มีพร้อมแค่เรื่องดีดี…… เธอพร้อมที่จะยินดีอีกไหม….'
หมวดยังคงร้องคลอ และประโยคสุดท้ายที่เขาหันมาจ้องหน้าฉันเหมือนต้องการคำตอบมากกว่าเพียงร้องออกมา ทำให้ฉันพยักหน้ายิ้มๆ แทนความยินดี เพราะไม่ว่าฉันจะเดือดร้อนอะไรเขาคนนี้ก็พร้อมจะเป็นที่พึ่งทุกอย่าง
'ก็แค่ไม่อยากให้วันนี้ผ่านพ้นไป
จะทำยังไง อยากหยุดเวลาไว้
ในวันที่มันปลอดภัย
มีเธอที่เคียงข้างกาย สองเรา'
ท่อนร้องเขินๆ ที่เหมือนแทนความรู้สึกของเราสองคนตอนนี้ กับช่วงเวลาดีๆ ที่ไม่อยากคิดอะไรให้ปวดหัว ฉันขอแค่มีเขาคนนี้ และฉันคงไม่คิดไปเองใช่ไหมว่าเขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน ยิ่งสายตาหวานแต่ดูหนักแน่นที่เขาส่งมา ทำเอามืออีกข้างอยู่ไม่สุขจนต้องเอามาจับผมด้านหน้าไปทัดผมที่หู แต่พอก้มหน้าหลบสายตา ผมมันก็ร่วงลงมาอีก หมวดยิ้มขำๆ กับอาการของฉันจนเขาต้องเป็นฝ่ายช่วยทัดผมที่หู พร้อมเอามือประคองบนแก้มฉันเบาๆ ปากยังคงขยับไปตามเพลงจนถึงเมโลดี้สุดท้าย
'มีเราเพียงเท่านั้น มีเธอและมีฉัน
อยู่ในวันสำคัญ...ของเรา'
………………………………………………….
นั่งฟังไปด้วยกันนะคะ ระยะปลอดภัยจากพี่ว่านค่ะ